เป็นคำถามที่น่าคิด ว่าทำไมถึงมีแค่ประเทศไทยประเทศเดียวที่จีน “นับญาติ” . สิ่งนี้…

เป็นคำถามที่น่าคิด ว่าทำไมถึงมีแค่ประเทศไทยประเทศเดียวที่จีน “นับญาติ”
.
สิ่งนี้สะท้อนอยู่ในวลีอมตะ “จงไท่อี้เจียชิน” 中泰一家亲 Zhōng tài yījiā qīn”
.
ที่หลายท่านแปลว่า “ไทยจีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
.
แต่ถ้าแปลตรงตัวแบบไม่ต้องสนใจว่าประโยคไทยจะสวยงามหรือไม่ สามารถบอกได้ว่า “จีนไทยญาติบ้านเดียวกัน”
.
ถือว่าเป็นเอกลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและจีนเท่านั้น เพราะนอกจากคำว่า “จงไท่” 中泰 หรือ “จีน-ไทย” ก็ปรากฏว่าไม่มี 中A, 中B, 中C
.
คงไม่มี จีน-(ชาติไหน ๆ) ที่ถูกตามท้ายด้วยคำว่า “อี้เจียชิน” 一家亲 หรือญาติบ้านเดียวกันอีกเลย
.
คุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันวิทยาการผู้นำไทยจีน (วทจ.) แสดงทัศนะถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ
.
“ประวัติศาสตร์ระหว่างจีนและไทยมีความลึกซึ้งยาวนานมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว และผมเชื่อว่าเมืองไทยมีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เยอะที่สุดในโลก สิ่งนี้ทางฝั่งจีนเขาทราบดี”
.
ด้าน ท่านพิริยะ เข็มพล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เสริมต่อในประเด็นเดียวกันว่า “ผมประจำอยู่ที่ปักกิ่ง ได้ยินทางการจีนพูดถึงวลีนี้อยู่บ่อย ๆ ยืนยันได้ว่า เขาไม่ได้ใช้รูปประโยคเดียวกันกับชาติอื่น ๆ นอกจากเรา”
.
“และนอกจากคำพูดแล้ว เขายังแสดงออกในการกระทำด้วย การที่ผมเป็นทูตไทยในจีน ได้รับการปฏิบัติอย่างดี ให้ความเป็นกันเอง จนบางครั้งเพื่อนชาติอื่น ๆ เขายังแปลกใจ”
.
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนย้อนไปได้ไกลถึงสมัยสุโขทัยยังเรืองอำนาจ และชนชาวจีนถือว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญในประเทศไทย
.
คลองสำคัญหลายสาย รวมถึงถนนสำคัญหลายเส้น เกิดจากแรงงานของคนจีน ที่อพยพเข้ามาทำมาหากินเหนือแผ่นดินสยามนับเวลาเป็นร้อยปีมาแล้ว
.
ตำแหน่ง “พระยาโชฎึกราชเศรษฐี” เป็นบรรดาศักดิ์ของ “เจ้ากรมท่าซ้าย” ดูแลการค้าฟากตะวันออก อันหมายถึงอาณาจักรจีน ไล่ไปจนถึงญี่ปุ่น มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
.
โดยผู้รับหน้าที่นี้ ล้วนเป็นที่ทราบกันว่าเป็นขุนนางที่มีเชื้อสายจีน และได้รับความไว้วางพระทัยจากพระมหากษัตริย์ ให้ช่วยดูแลผลประโยชน์ชาติในด้านการเก็บภาษีเข้าออกของสินค้า
.
“ในช่วงที่จีนเกิดภัยสงครามและโรคระบาด ประเทศไทยถือเป็นแผ่นดินที่อ้าแขนต้อนรับชาวจีนเป็นอย่างดี จนชาวจีนจำนวนมากสำนึกในบุญคุณ และได้บอกต่อถึงลูกหลานว่าอย่าลืมตอบแทนแผ่นดินทุกครั้งเมื่อมีโอกาส”
.
คุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ผู้ลุกขึ้นมาสร้างหลักสูตรวิทยาการผู้นำไทย-จีน (วทจ.) ประสบความสำเร็จมาจนถึงรุ่นที่ 6 เล่าย้อนความถึงภาพความประทับใจเมื่อครั้งอดีต
.
และด้วยเหตุนี้ทำให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งตัวท่านเองเป็นกรรมการอยู่ ได้รับการยอมรับในสังคมไทย และเติบใหญ่ด้วยกำลังเงินบริจาคของชาวจีนโพ้นทะเล ที่เสียสละทรัพย์ส่วนตัว เพื่อร่วมช่วยเหลือ ทำนุบำรุงผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยมานานกว่าร้อยปี
.
การนับญาติที่จีนให้เกียรติไทยจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย และหลักฐานทางประวัติศาสตร์อ้างอิงได้
.
สิ่งนี้คือแต้มต่อให้คนไทย รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชน ในการสานความร่วมมือในแต่ละด้าน เพื่อความสนิทแนบแน่นระหว่างไทย-จีน ร่วมสร้างความมั่งคั่งด้วยกันต่อไป
.
#ไทยคำจีนคำ #วทจ #หลักสูตรวิทยาการผู้นำไทยจีน #สถาบันวิทยาการผู้นำไทยจีน #มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ #เรื่องจีนเรื่องใหญ่

[vid_embed]
ดูเพิ่มเติม :
https://www.facebook.com/100044524780558/posts/940616134099204
เพจ Facebook :
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี