ถามตอบกฎหมายข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 14 สิงหาคม 2566
โจรย่องเว็บไซต์
www.kriengsaklawyer.com
นามบัตรออนไลน์
iber.me/Dr.Kriengsak
พยาบาลขโมย “ทารก” ตามรวบหนุ่ม ทาสการพนัน พันค้ามนุษย์ เด็กปลอดภัย
ตามลากคอทันควันหนุ่มแสบ ย่องเงียบขโมยทารกแรกเกิดใน รพ.บางเลน จ.นครปฐม หลังแม่เด็กเพิ่งให้นมลูกเสร็จเผลอหลับไปแค่ครึ่งชั่วโมง ตื่นมาอีกทีลูกชายตัวน้อยหายไปแล้ว ตำรวจไล่กล้องวงจรปิดไม่ทันข้ามวันตามจับกุมคนร้ายพร้อมช่วยเหลือทารกน้อยไว้ได้ปลอดภัย ผู้ต้องหาอ้างอยากมีลูกเลยก่อเหตุ แต่ตำรวจไม่เชื่อ เช็กข้อมูลส่วนตัวพบเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชี ติดพนันออนไลน์ มีหนี้สินพะรุงพะรัง สงสัยอาจพัวพันแก๊งค้ามนุษย์ โดนแจ้ง 3 ข้อหาพร้อมเค้นสอบสวนขยายผล
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 317 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
– ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรกต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
– ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290 มาตรา 297 หรือมาตรา 298 นั้น
มาตรา 364 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 365 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ
(1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
(2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ
(3) ในเวลากลางคืน
– ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2540 องค์ประกอบความผิดตาม ป.อ.มาตรา 317 คือการพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล คำว่า “พราก”หมายความว่า พาไปหรือแยกเด็กออกจากความปกครองดูแล แม้จะชักชวนแนะนำเด็กให้ไปกับผู้กระทำโดยมิได้หลอกลวงและเด็กเต็มใจไปด้วย ก็เป็นความผิดตามมาตรานี้
จำเลยมีอาชีพรับจ้างโดยขับรถรับจ้างรับส่งผู้โดยสารทั่วไปได้รับส่งเด็กหญิงทั้งสาม พาไปเลี้ยงไอศกรีม พาไปเที่ยวแล้วจึงส่งกลับบ้านเป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่เมื่อไปถึงบ้านของเด็กหญิง เด็กหญิงจะลงจากรถ จำเลยก็ชักชวนให้ไปกับจำเลยจนกระทั่งล่วงเลยเวลากลับบ้านตามปกติ รุ่งขึ้นก็ชักชวนเด็กหญิงดังกล่าวไปกับจำเลยอีกโดยสัญญาว่าจะพาไปเลี้ยงไอศกรีม ทั้งยังเล่าเรื่องร่วมเพศให้เด็กหญิงฟังและนัดหมายจะพาไปเรียนว่ายน้ำและสอนขับรถในวันต่อมา ซึ่งในวันดังกล่าวจำเลยได้พาเด็กหญิงไปกินไอศกรีม โดยจำเลยเป็นผู้จ่ายเงิน นอกจากนี้จำเลยยังให้เงินและเสี้ยมสอนให้เด็กหญิงทั้งสามโกหกบิดามารดาในการกลับบ้านผิดปกติและล่วงเลยเวลา เด็กหญิงทั้งสามอายุเพียง 10 ปี ยังอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของบิดามารดา การกระทำของจำเลยแม้จะพรากไปเพียงชั่วคราว แต่ก็มิได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ทั้งไม่ปรากฏว่าการพาไปดังกล่าวเพราะเหตุสมควรประการใด จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันสมควรการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม เพราะลำพังการเล่าเรื่องลามกอนาจารยังไม่พอฟังว่าเป็นความผิดตามตัวบทกฎหมายดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 317 วรรคสามโดยไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 317 วรรคหนึ่ง แต่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้นรวมการกระทำผิดตามมาตรา 317 วรรคหนึ่งด้วย เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคหนึ่ง ศาลก็ปรับบทลงโทษตามความผิดที่พิจารณาได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคหก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2533 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 เป็นการกระทำกรรมเดียวกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 318 วรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา 318 วรรคสามอันเป็นบทหนัก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงกำหนดโทษไม่ได้ เพียงแต่ปรับบทลงโทษและระบุวรรคให้ถูกต้อง อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย แม้ศาลล่างทั้งสองจะมิได้กำหนดโทษในความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรกไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ศาลจะกำหนดโทษเกิน 3 ปี ย่อมไม่ได้ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้องอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะในความผิดข้อหานี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6559/2562 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (2) (3) ประกอบมาตรา 364 เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 92 และลดโทษ 1 ใน 4 ตามมาตรา 78 แล้ว ลงโทษจำคุก 1 ปี 12 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (3) ประกอบมาตรา 364 เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 92 แล้วลงโทษจำคุก 8 เดือน
จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จากความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย เป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยขณะกระทำความผิดจำเลยไม่ได้มีอาวุธ ซึ่งเป็นบทกฎหมายในมาตราเดียวกัน
จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ที่โจทก์ฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะกระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนจำเลยมีปืนเป็นอาวุธหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แม้ความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่การปรับบทลงโทษจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นเพื่อปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้ โดยไม่เพิ่มเติมโทษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 211 ประกอบมาตรา 225
แหล่งที่มา:
– หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
– กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
– เนติบัณฑิตยสภา
– คำพิพากษาศาลฎีกา พุทธศักราช 2562 เล่มที่ 10 หน้า 85-91
สงสัยกฎหมาย 0816116174 ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี
เว็บไซต์
www.kriengsaklawyer.com
นามบัตรออนไลน์
iber.me/Dr.Kriengsak
[vid_embed]
ดูเพิ่มเติม :
https://www.facebook.com/100044524780558/posts/841865060640979
เพจ Facebook :
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี