วันนี้ (2 พ.ย.64) ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี พร้อมแม่สิตางศุ์ บัวทอง พาผู้เสียหาย คือ นายตี๋น้อย บุตรของนางวรรณา เข้าร้องขอความเป็นธรรมและร้องขอให้ทางกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการชี้แจงและขอคัดเอกสารพร้อมรับรอง ส่วนคุณแม่สิตางค์กับนายตี๋น้อย จะไปร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และแม่สิตางศุ์ จะดำเนินคดีกับนางวรรณา มารดาของนายตี๋น้อย ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากับพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง หลังถูกนางวรรณา มารดาแท้ๆ ของตี๋น้อย บุตรบุญธรรมวัย 24 ปี ของแม่สิตางศุ์ จากกรณีที่แม่สิตางศุ์ ไปออกรายการ “ถกไม่เถียง” ซึ่งออกอากาศทางช่อง 7 HD โดยมีการพูดพาดพิงถึงแม่สิตางศุ์ ในทางไม่ดี ทำให้แม่สิตางศุ์เสียหาย
ด้านแม่สิตางศุ์ พร้อมตี๋น้อย และทนายความ เปิดเผยก่อนพบพนักงานสอบสวน ว่า หลังได้ไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมและยื่นคำร้องขอให้ทางกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการขี้แจงเรื่องดังกล่าว และได้มาแจ้งความในข้อหาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากกลับไปดูคลิป จึงแจ้งความดำเนินคดีนางวรรณา
นอกจากนี้ แม่สิตางศุ์ ยังฝากถึงนางวรรณาว่า ขอให้ยุติการขยี้ลูกตัวเองว่าปัญญาอ่อนเสียที และขอให้เด็กได้ใช้ชีวิตของตัวเอง รวมถึงครอบครัวด้วย ส่วนกรณีการจดทะเบียนบุตรบุญธรรม กำลังดำเนินการอยู่
ขณะที่ ตี๋น้อย ยืนยันว่า สิ่งที่ตนบอกกล่าวกับแม่สิตางศุ์ ว่า ถูกแม่แท้ๆ ทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็กนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ได้กุขึ้นมา และตนเคยเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายต่างมารดาทราบ พร้อมระบุอีกว่า ตนอยากหลุดพ้นจากสภาพคนพิการ ขอใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่ถูกควบคุมสั่งการจากใครอีก
ด้าน ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ คาดว่าต้องไปในชั้นศาล ส่วนการรับบุตรบุญธรรมจะเตรียมการเอกสารและยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ตี๋น้อย ตัวกลางของปัญหาได้ไปยื่นคำร้องแล้ว และสามารถในเรื่องบุตรบุญธรรมได้ด้วยตัวเองเพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการคนพิการกรุงเทพมหานคร แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ นายจารุวัฒน์ ซิมทิม ถือบัตรผู้พิการไว้ เนื่องจากสามารถใช้สิทธิ์ ต่างๆ ได้ แต่อย่างไรก็ดี ผู้ที่ถือบัตรผู้พิการ สามารถยกเลิกการเป็นผู้พิการได้ทุกเมื่อ แม้ความพิการนั้นยังคงอยู่ก็ตาม
