เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่ บก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นายพรเทพ เห็นศิริสกุล หรือเฮียเม้ง คลองถม อายุ 70 ปี ประธาน บริษัท นครทอง แมชชีน 2552 จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือก่อสร้าง เดินทางมาพร้อม ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.นัฐพล ทะเลน้อย รอง สว.สอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งดำเนินคดีกับขบวนการซื้อขายบิลใบกำกับภาษีปลอม ผ่านทางกลุ่มไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว ค้าขายประเภทวัสดุก่อสร้าง ถูกขบวนการซื้อขายใบกำกับภาษีปลอมผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นไลน์ มีกลุ่มบริษัทได้ซื้อและนำไปยื่นกรมสรรพากรเพื่อรับเงินส่วนต่างขอคืนภาษี จนสร้างความเสียหายให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก รวมประมาณ 47 ครั้งที่พบหลักฐาน จึงรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“ขบวนการซื้อขายบิลใบกำกับภาษีปลอม ส่งผลให้กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ ได้รับความเสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งอีกหลายบริษัทต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่ได้รู้เห็นกับการซื้อขายบิลใบกำกับภาษีของขบวนการดังกล่าว”
ตนเองเมื่อได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายได้ทดลองล่อซื้อใบกำกับภาษีจากเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ nana มูลค่าสินค้าวัสดุก่อสร้าง ประเภท หิน ปูน ทราย ราคา 4 หมื่นกว่าบาท ได้ใบกำกับภาษีปลอมส่งมาให้ในราคาที่จ่ายเงินจริง 1,400 กว่าบาทเท่านั้น
ด้าน เฮียเม้ง พรเทพ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้เรื่องที่ บ.นครทองฯ ถูกปลอมใบกำกับภาษีตั้งแต่ปี 58-59 เพราะสรรพกรเขตพลับพลาไชย สอบถามมาที่บริษัทซึ่งขายแต่เครื่องมือก่อสร้าง แต่รายละเอียดในใบกำกับภาษีปลอมลงเป็นวัสดุ ประเภท อิฐ หิน ทราย ที่บริษัทนครทอง ไม่ได้จำหน่าย จึงได้พยายามแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีมาโดยตลอด
จากการตรวจสอบบริษัทถูกขบวนการขายใบกำกับภาษีปลอมดังกล่าวแอบอ้างไปยื่นกรมสรรพากร มากว่า 5 ปี แล้ว สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยบริษัทได้มีการล่อซื้อใบกำกับภาษีปลอมจากช่องทางไลน์ และนำหลักฐานไปยื่นหลายหน่วยงาน ตนเคยแจ้งความตำรวจ สน.พลับพลาไชย เมื่อปี 2559 คดีไม่มีความคืบหน้า และเมื่อเดือน เม.ย.64 ได้ไปแจ้งกองบังคับการปราบปรามแต่ก็ไม่มีดำเนินการเช่นกัน วันนี้จึงมาร้อง ปอท. ช่วยตรวจสอบเอาผิดขบวนการกันโกงภาษี ทั้งหมดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าในส่วนผู้เสียหายถูกแอบอ้าง ยังไม่เข้าความผิด พ.ร.บ.คอมพพิวเตอร์ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
